My blog - Wiiraya
วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2559
เนื่องจากวันนี้เป็นวัน Easter ซึ่งปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม นั่นเองค่ะ เรามาดูประวัติเทศกาลนี้ไปด้วยกันนะคะว่ามีความสำคัญอย่างไรต่อชาวคริสต์ นอกจากจะเรียนภาษาอังกฤษแล้ว เราควรจะรู้วัฒนธรรมและเทศกาลต่างๆด้วยนะคะ เวลาเค้าพูดถึงเราจะได้ไม่งง
Happy Easter everyone!!!
วันอีสเตอร์คืออะไร ประวัติ วันอีสเตอร์ วันสำคัญของชาวคริสต์ เฉลิมฉลองพระเยซูทรงคืนพระชนม์ชีพจากความตาย วันนี้เรามีเกร็ดประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ Easter day มาฝากกัน
ถือว่าเป็นวันสำคัญที่สุดในปฏิทินของชาวคริสตชนเลยก็ว่าได้ สำหรับ "วันอีสเตอร์" (easter day) ซึ่งวันนี้ เป็นวันที่ชาวคริสต์ทุกคนต่างชื่นชมยินดี แต่งตัวสวยงาม และตกแต่งไข่ด้วยสีสันต่าง ๆ มามอบให้แก่กันและกัน เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องจากในวันที่พระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์ชีพจากความตาย
ประวัติ วันอีสเตอร์
วันอีสเตอร์ หรือวันปัสกา เป็นวันเฉลิมฉลองพระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์ชีพจากความตาย และเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลมหาพรต ที่ชาวคริสต์ต้องระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูก่อนที่จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โดยตลอด 40 วันของเทศกาลนี้ เริ่มตั้งแต่วันแรก (วันปาล์มซันเดย์ Palm Sunday) ชาวคริสต์ จะต้องตั้งจิตอธิษฐานรำลึกเหตุการณ์อันทรมานของพระเยซูตามพระคัมภีร์ รวมไปถึงสวดภาวนา บริจาคสิ่งของ อดอาหาร และไม่ฟุ่มเฟือย ดำเนินชีวิตอย่างสมถะที่สุด
ทั้งนี้ วันอีสเตอร์นั้น ไม่มีวันที่ระบุตายตัว แต่ชาวคริสต์ได้ถือเอาวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 4 เป็นตัวกำหนด หลังจากเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์แล้ว จะเข้าสู่เทศกาลปัสกา ซึ่งเทศกาลนี้ เป็นเทศกาลที่ให้ชาวคริสต์ได้รื้อฟื้นความเชื่ออีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตในพระคริสต์เจ้า
ทั้งนี้ วันอีสเตอร์นั้น ไม่มีวันที่ระบุตายตัว แต่ชาวคริสต์ได้ถือเอาวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 4 เป็นตัวกำหนด หลังจากเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์แล้ว จะเข้าสู่เทศกาลปัสกา ซึ่งเทศกาลนี้ เป็นเทศกาลที่ให้ชาวคริสต์ได้รื้อฟื้นความเชื่ออีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตในพระคริสต์เจ้า
กิจกรรมวันอีสเตอร์
ชาวคริสต์แต่ละครอบครัวจะแต่งตัวสวยงาม มาร่วมพิธีกรรมในโบสถ์ พร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นอกจากนี้ บางครอบครัวก็มักจะตกแต่งไข่เป็นลวดลายสีสันต่าง ๆ เพื่อนำมามอบให้แก่กันและกัน ส่วนบางโบสถ์ก็จัดกิจกรรม ร่วมรับประทานเพื่อเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ รวมไปถึงจัดเกมสนุก ๆ ให้แต่ละครอบครัวหาไข่อีสเตอร์ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในพุ่มไม้หรืกอหญ้าต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เฉลิมฉลองได้ช่วยกันค้นหา และได้ใช้เวลาแห่งความสุขในวันอีสเตอร์ร่วมกัน
สัญลักษณ์ วันอีสเตอร์
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเฉลิมฉลอง คือ ไข่ โดยชาวคริสต์จะเรียกว่า ไข่อีสเตอร์หรือไข่ปัสกา (Paschal eggs) ทั้งนี้ ก็เพื่อสื่อถึงการเกิดใหม่ ชีวิตที่กำลังเริ่มต้นใหม่ และสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น เต็มไปด้วยความชื่นบานและความดี โดยชาวคริสต์มักจะวาดรูปตกแต่งลวดลายไข่ให้สวยงาม อย่างสนุกสนาน และนิยมกินไข่ในวันดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าหากกินไข่แล้วจะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเรา
ชาวคริสต์แต่ละครอบครัวจะแต่งตัวสวยงาม มาร่วมพิธีกรรมในโบสถ์ พร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นอกจากนี้ บางครอบครัวก็มักจะตกแต่งไข่เป็นลวดลายสีสันต่าง ๆ เพื่อนำมามอบให้แก่กันและกัน ส่วนบางโบสถ์ก็จัดกิจกรรม ร่วมรับประทานเพื่อเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ รวมไปถึงจัดเกมสนุก ๆ ให้แต่ละครอบครัวหาไข่อีสเตอร์ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในพุ่มไม้หรืกอหญ้าต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เฉลิมฉลองได้ช่วยกันค้นหา และได้ใช้เวลาแห่งความสุขในวันอีสเตอร์ร่วมกัน
สัญลักษณ์ วันอีสเตอร์
สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเฉลิมฉลอง คือ ไข่ โดยชาวคริสต์จะเรียกว่า ไข่อีสเตอร์หรือไข่ปัสกา (Paschal eggs) ทั้งนี้ ก็เพื่อสื่อถึงการเกิดใหม่ ชีวิตที่กำลังเริ่มต้นใหม่ และสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น เต็มไปด้วยความชื่นบานและความดี โดยชาวคริสต์มักจะวาดรูปตกแต่งลวดลายไข่ให้สวยงาม อย่างสนุกสนาน และนิยมกินไข่ในวันดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าหากกินไข่แล้วจะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเรา
ที่มา: http://hilight.kapook.com/view/101005
วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559
English idioms
Around the corner – อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว
The examination is right around the corner.
The examination is right around the corner.
As a matter of fact – อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้ว
As a matter of fact, l don´t like them either.
As a matter of fact, l don´t like them either.
As far as I am concerned – ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ
As far as I am concerned, he should get fired.
As far as I am concerned, he should get fired.
Ask for trouble – หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว แส่หาเรื่อง
We are asking for trouble if we miss another class.
We are asking for trouble if we miss another class.
Be fond of – ชอบ ชื่นชอบ โปรดปราน
She seems to be fond of talking about herself.
She seems to be fond of talking about herself.
Be in the same boat – ลงเรือลำเดียวกัน ประสบปัญหาหรือความยุ่งยากเหมือนกัน
We suddenly found ourselves in the same boat.
We suddenly found ourselves in the same boat.
Be my guest – ตามสบายเลย เชิญตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ
If you wanna just me, be my guest.
If you wanna just me, be my guest.
Be out of order – เสีย ใช้การไม่ได้ ไม่เข้าท่า ไม่เป็นระเบียบ
Your idea is out of order.
Your idea is out of order.
Better than nothing – ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
Maybe it’s not as good as the first, but it’s better than nothing.
Maybe it’s not as good as the first, but it’s better than nothing.
Break a promise – ผิดสัญญา ไม่รักษาคำพูด ไม่ทำตามสัญญา
I told you, I never break a promise.
I told you, I never break a promise.
Calm down – สงบสติอารมณ์ สงบใจ ทำใจให้สงบ ทำให้สงบ
Why don’t you just calm down?
Why don’t you just calm down?
Cross the line – ล้ำเส้น ข้ามเส้น ข้ามแดน
You’re starting to cross the line.
You’re starting to cross the line.
Day in and day out – ตลอดเวลา อย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด
I have to answer the phone day in and day out.
I have to answer the phone day in and day out.
Every now and then – เป็นครั้งคราว
Every now and then I go to town and spend lots of money.
Every now and then I go to town and spend lots of money.
Face to face – ซึ่งๆ หน้า จะๆ ต่อหน้า ประจันหน้า
He wants to meet you face to face.
He wants to meet you face to face.
Figure out – คิดออก คิดให้ออก คิดได้
I’m going to figure it out sooner or later.
I’m going to figure it out sooner or later.
From now on – จากนี้ไป จากนี้เป็นต้นไป ต่อแต่นี้ไป นับจากนี้ไป
From now on I’m not gonna do anything I don’t like.
From now on I’m not gonna do anything I don’t like.
From time to time – บางครั้ง
You’ll hear that from time to time.
You’ll hear that from time to time.
Get lost – หลงทาง แต่ถ้าเป็นคำสั่งจะเป็นในเชิงการไล่ แปลว่า ไปให้พ้น ไปให้ห่างๆ ไสหัวไป
Take a map with you in case you get lost.
Take a map with you in case you get lost.
In advance – ล่วงหน้า ก่อนหน้า ก่อนเวลา
Could you pay me in advance?
Could you pay me in advance?
Keep a promise – รักษาสัญญา ทำตามสัญญา
I must keep a promise I made.
I must keep a promise I made.
Keep an eye on – เฝ้าดู เฝ้ามอง จับตาดู
Keep an eye on the baby, please.
Keep an eye on the baby, please.
Keep in touch – ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ติดต่อกันไม่ได้ขาด
Remember to keep in touch when you are aways.
Remember to keep in touch when you are aways.
Keep one’s word – รักษาคำพูด รักษาสัจจะ ทำตามที่พูดไว้
I always keep my word.
I always keep my word.
Let someone down – ทำให้ผิดหวัง
Don’t let me down this time.
Don’t let me down this time.
Lose one’s temper – อารมณ์เสีย เสียอารมณ์ โกรธ ขุ่นเคือง
I promise! I’ll never lose my temper again!
I promise! I’ll never lose my temper again!
On behalf of – ในนามของ (ทำบางสิ่ง)ในนามของ
I’m happy to deliver a statement on behalf of the company.
I’m happy to deliver a statement on behalf of the company.
Shed (some) light on – เปิดเผย ให้ความกระจ่าง ทำให้เข้าใจง่าย
Can anyone help me shed some light on this question?
Can anyone help me shed some light on this question?
Sooner or later – ไม่ช้าก็เร็ว
Sooner or later you’re gonna have to face the fact.
Sooner or later you’re gonna have to face the fact.
Stay in touch – ติดต่อกันไปเรื่อยๆ ติดต่อกันเสมอ ส่งข่าวถึงกัน ยังติดต่อกันอยู่
Please don’t stay in touch.
Please don’t stay in touch.
Take into account – คิดคำนึง ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง พิจารณา
There’s one thing you haven’t taken into account.
There’s one thing you haven’t taken into account.
เรียนภาษาอังกฤษจากข่าว BBC
A good year for smelly fruit
It may look delicious but this fruit's pungent smell makes it an acquired taste.
Durians, the so-called "king of fruits", are something of a national obsession in Singapore.
And 2015 is shaping up to be a very good year for durian lovers, with a bumper crop in neighbouring Malaysia.
That means prices are coming down and sales are going up – much to the delight of buyers and sellers alike.
That's it from me. I'll leave you with today's words and phrases once again.
Vocabulary
pungent (กลิ่นแรง) strong and unpleasant taste or smell
an acquired taste (รสชาติที่ได้ลองแล้วชอบ) something you start liking the more you try it
is shaping up (พัฒนาเป็น) developing into
bumper crop (ปลูกเป็นจำนวนมากกว่าปกติ) larger amount of fruit than normally grows
delight (น่าพอใจ) great pleasure/ happiness
Source: http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/features/witn/ep-150708
Source: http://www.bbc.co.uk/learningenglish/english/features/witn/ep-150708
Proverbs (สุภาษิต)
1. Still water runs deep
หมายถึง น้ำนิ่งไหลลึก
2. Blood is thicker than water
หมายถึง เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
3. Actions speak louder than words
หมายถึง การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
4. When in Rome, do as the Romans
หมายถึง เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
5. A bad workman always blames his tools
หมายถึง รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
6. It takes two to make a quarrel
หมายถึง ตบมือข้างเดียวไม่ดัง
7. Don't judge a book by its cover
หมายถึง อย่าตัดสินคนที่ภายนอก
8. Better late than never
หมายถึง มาช้าดีกว่าไม่มา
9. Easier said than done
หมายถึง พูดง่ายกว่าลงมือทำ
10. Time and tide wait for no man
หมายถึง เวลาและวารีไม่เคยรอใคร
หมายถึง น้ำนิ่งไหลลึก
2. Blood is thicker than water
หมายถึง เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
3. Actions speak louder than words
หมายถึง การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
4. When in Rome, do as the Romans
หมายถึง เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
5. A bad workman always blames his tools
หมายถึง รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
6. It takes two to make a quarrel
หมายถึง ตบมือข้างเดียวไม่ดัง
7. Don't judge a book by its cover
หมายถึง อย่าตัดสินคนที่ภายนอก
8. Better late than never
หมายถึง มาช้าดีกว่าไม่มา
9. Easier said than done
หมายถึง พูดง่ายกว่าลงมือทำ
10. Time and tide wait for no man
หมายถึง เวลาและวารีไม่เคยรอใคร
สำนวนภาษาอังกฤษ คำสแลงที่มักเจอในชีวิตประจำวัน (3/3)
21. “After all” แปลว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเช่น But after all, they are our children. (แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นลูกๆ ของเรานะ)
22. “After one’s own heart” แปลว่า ได้ดังใจ สมใจคิด ถูกใจจริงๆ ตัวอย่างเช่น I love you, boy. You are always a child after my own heart. (พ่อรักลูกนะ ลูกเป็นลูกที่สมใจพ่อเสมอ)
23. “All over the place ” แปลว่า ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อน ตัวอย่างเช่น Your books are all over the place. (หนังสือของคุณวางอยู่ทั่วไปหมด)
24. “Around the corner” แปลว่า อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว ตัวอย่างเช่น The examination is right around the corner. (การสอบใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว)
25. “As a matter of fact” แปลว่า อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้วตัวอย่างเช่น As a matter of fact, l don’t like them either. (อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ชอบพวกเขาเหมือนกัน)
26. “As far as I am concerned” แปลว่า ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ ตัวอย่างเช่น As far as I am concerned, he should get fired. (ตามความเห็นฉันนะ เขาควรจะถูกไล่ออก)
27. “Watch your mouth” แปลว่า ระวังปาก ระวังคำพูด มีความหมายเดียวกับ Watch your tongue
28. “Let the cat out of the bag” แปลว่า หมายถึง หลุดปากเผยความลับออกมา ตัวอย่างเช่น “I let the cat out of the bag about their wedding plans.”
29. “To feel under the weather” หมายถึง ไม่สบาย ป่วย ตัวอย่างประโยค “I’m really feeling under the weather today; I have a terrible cold.”
30. “Jack of all trades” หมายถึง คนที่รู้ทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่เก่งจริงสักอย่าง ตัวอย่างประโยค “A jack of all trades,master of none.” แปลว่า รู้ไปหมด แต่ไม่เก่งสักอย่าง
ขอบคุณข้อมูล http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=181,http://www.wegointer.com/2014/11/20-idioms/
สำนวนภาษาอังกฤษ คำสแลงที่มักเจอในชีวิตประจำวัน (2/3)
11. “behind one’s back” แปลว่า พูดหรือกระทำโดยอีกคนหนึ่งไม่รู้ตัว หรือ พูดลับหลัง ตัวอย่างเช่น Pete loves to gossip Jay behind his back. (พีทชอบที่จะนินทาเจลับหลัง โดยเขาไม่รู้ตัว)
12. “turn one’s back on” แปลว่า ไม่สนใจ ไม่ช่วยเหลือ ทอดทิ้ง ตัวอย่างเช่น John never turn his back on his girlfriend when she needs help. (จอห์นไม่เคยไม่เคยทอดทิ้งเฉยเมยต่อแฟนสาวของเขา เมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ)
13. “get back at” แปลว่า แก้แค้น แก้เผ็ด เอาคืน ตัวอย่างเช่น If it takes me 10 years I will get back at him. (ถึงแม้จะต้องเสียเวลาสัก 10 ปี ผมก็จะต้องแก้แค้นมัน)
14. “hold something back” แปลว่า ซ่อน ไม่เปิดเผย ไม่เต็มใจเปิดเผย ตัวอย่างเช่น I could tell from his nervousness that he was holding back something. (ฉันสามารถจะบอกจากอาการตื่นเต้นของเขาได้ว่า เขากำลังปิดบังอะไรบางอย่าง)
15. “be my guest” แปลว่า พูดหรือทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจกัน
16. “be oneself” แปลว่า เป็นปกติธรรมดา “You haven’t been yourself lately. Is anything wrong?” (เธอดูเหมือนมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ มีอะไรรึเปล่า)
17. “be tired of” แปลว่า รำคาญ เบื่อ เช่น I was tired of working for other people, so now I’m self-employed. (ผมเบื่อที่เป็นลูกจ้าง ขณะนี้ได้ออกมาทำกิจการของตนเองแล้ว)
18. “beyond hope” แปลว่า ไม่มีโอกาสที่จะดีขึ้น ตัวอย่างเช่น Everyone has tired to help him with his drink problem, but I think he is beyond hope. (ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขาได้พยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาดื่มเหล้า แต่ฉันว่าไร้ประโยชน์)
19. “big-headed” แปลว่า หยิ่งยะโส ตัวอย่างเช่น “Here she comes! she always boasts about her success. I don’t know why she’s so big-headed.” (นี่ไงล่ะ คนที่ชอบคุยโวว่าตัวเองเก่ง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบอวดตัวเองนัก)
20. “A great deal” แปลว่า จำนวนมาก มากมาย ตัวอย่างเช่น We’ve heard a great deal about you. (พวกเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมากมาย)
ขอบคุณข้อมูล http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=181,http://www.wegointer.com/2014/11/20-idioms/
ขอบคุณข้อมูล http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=181,http://www.wegointer.com/2014/11/20-idioms/
สำนวนภาษาอังกฤษ คำสแลงที่มักเจอในชีวิตประจำวัน (1/3)
1. “Twenty-four Seven” สำนวนนี้หมายความว่าอะไร เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า “ตลอดเวลา ทุกๆนาทีของทุกๆวัน” ค่ะ
2. “Get the ball rolling” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “เริ่มทำอะไรสักอย่าง” แค่จำไว้ว่า “Let’s get the ball rolling” ความหมายเท่ากับ “Let’s start now-เราเริ่มกันเถอะ”
3. “Take it easy” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I don’t have any plans this weekend. I think I’ll take it easy.” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “ผ่อนคลาย” หรือ “พักผ่อน” ค่ะ สำนวนนี้ก็เข้าใจง่ายเหมือนกันค่ะ “I’m going to take it easy.” ความหมายก็คือ “I’m going to relax.-ฉันจะพักผ่อนสักหน่อย”
4. “Sleep on it” ถ้ามีคนๆหนึ่งพูดว่า “I’ll sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย” เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I’ll get back to you tomorrow. I have to sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอเวลาตัดสินใจสักหน่อย แล้วจะบอกคำตอบพรุ่งนี้” เพราะฉะนั้น “Sleep on it คือ ขอเวลาตัดสินใจ แล้วจะบอกคำตอบทีหลัง” ค่ะ
5. “I’m broke.” อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆเลยค่ะ สำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่ามีร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหรือใช้การไม่ได้แต่ความหมายจริงๆของสำนวนนี้ก็คือ “ฉันไม่มีเงินเลย” หรือ “ถังแตก” นั่นเองค่ะ “I’m broke.” เท่ากับ “I have no money – ฉันไม่มีเงินเลย” สำนวนนี้ใช้กันมาก และได้ยินกันบ่อยๆค่ะ
6. “Sharp” เมื่อใช้กับเวลา ยกตัวอย่างเช่น “The meeting is at 7 o’clock sharp!” คุณว่าหมายความว่าอะไรคะ ความหมายก็คือ “การประชุมจะเริ่มตอนเจ็ดโมงเป๊ะ” เวลามีคนใช้คำว่า “Sharp” ตามหลังเวลาพูดกับคุณ ความหมายก็คือเขาต้องการย้ำเวลานั้นๆ และบอกคุณว่า “อย่ามาสายนะ”
7. “Like the back of my hand” ความหมายของสำนวนนี้คืออะไร “the back of my hand หรือ หลังมือของตัวเอง” เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหลังมือคุณ คุณเห็นอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้าฉันพูดว่า “I know this city like the back of my hand.” ความหมายของฉันก็คือ “ฉันรู้จักเมืองนี้ดีมากๆ ฉันคุ้นเคยกับเมืองนี้” สำนวนนี้ก็ใช้กันบ่อยมากค่ะ เราอาจปรับเปลี่ยนใช้สำนวนนี้ได้ว่า “He knows this city like the back of ‘his’ hand” ก็ได้นะคะ ความหมายก็จะยังเหมือนกัน ก็คือ “รู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งดี หรือ คุ้นเคยเป็นอย่างดี” ค่ะ
8. “Give me a hand.” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “Do you want to give me a hand?” เขาหมายความว่า “Do you want to help me?” สมมุติว่ามีคนๆหนึ่งถือของมา แล้วเขาพูดว่า “Would you give me a hand?” เขาไม่ได้ขอมือคุณเฉยๆนะคะ เขากำลังขอให้คุณช่วยเขาหน่อยค่ะ “Would you give me a hand?” คือ “Would you help me?-คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
9. “In ages” ยกตัวอย่างเช่นใช้ในประโยคว่า “I haven’t seen him in ages” ความหมายของ “in ages” ก็คือ “for a long time-เป็นเวลานานมาก” นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น “I haven’t seen him in ages” ก็เท่ากับ “I haven’t seen him for a long time-ฉันไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว” จำไว้นะคะ “in ages” แปลว่า “เป็นเวลานานมาก”
10. “Sick and tired” สำนวนนี้แปลได้ว่า “ไม่ชอบ หรือ เกลียด” ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณพูดว่า “I’m sick and tired of doing homework.” ความหมายก็คือ “ฉันไม่อยากทำการบ้านแล้ว ฉันไม่ชอบทำการบ้านเลย”
ขอบคุณข้อมูล http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=181,http://www.wegointer.com/2014/11/20-idioms/
ขอบคุณข้อมูล http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_youtube.php?youtube_id=181,http://www.wegointer.com/2014/11/20-idioms/
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559
ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
ศตวรรษที่ 21 สถานการณ์โลกมีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 20 และ 19 ระบบการศึกษา ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริง ในประเทศสหรัฐอเมริกาแนวคิดเรื่อง "ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21" ได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยภาคส่วนที่เกิดจากวงการนอกการศึกษา ประกอบด้วย บริษัทเอกชนชั้นนำขนาดใหญ่ เช่น บริษัทแอปเปิ้ล บริษัทไมโครซอฟ บริษัทวอล์ดิสนีย์ องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และสำนักงานด้านการศึกษาของรัฐ รวมตัวและก่อตั้งเป็นเครือข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Partnership for 21st Century Skills) หรือเรียกย่อๆว่า เครือข่าย P21
หน่วยงานเหล่านี้มีความกังวลและเห็นความจำเป็นที่เยาวชนจะต้องมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 จึงได้พัฒนาวิสัยทัศน์และกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21ขึ้น สามารถสรุปทักษะสำคัญอย่างย่อๆ ที่เด็กและเยาวชนควรมีได้ว่า ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม หรือ 3R และ 4Cซึ่งมีองค์ประกอบ ดังนี้
- 3 R ได้แก่ Reading (การอ่าน), การเขียน(Writing) และ คณิตศาสตร์ (Arithmetic) และ
- 4 C (Critical Thinking - การคิดวิเคราะห์, Communication- การสื่อสาร Collaboration-การร่วมมือ และ Creativity-ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงทักษะชีวิตและอาชีพ และทักษะด้านสารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี และการบริหารจัดการด้านการศึกษาแบบใหม่
แนวคิดทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คืออย่างไร และคุณลักษณะที่เด็กและเยาวชนพึงมีในโลกยุคใหม่คืออย่างไร คลิกเพื่ออ่านต่อและดาวน์โหลดเอกสารที่นี่
นอกจากนี้ยังมีนักการศึกษาอีกท่านหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันเรื่องการฎิรูปการเรียนรู้ดังกล่าวให้กว้างขวางขึ้น คือเซอร์เคน โรบินสัน นักการศึกษาระดับโลก โดยได้เน้นยำ้ถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแนวคิดการจัดการศึกษาระบบโรงงาน มาเป็นการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิดอย่างสร้างสรรค์และเข้ากับบริบทของโลกที่ได้เปลี่ยนแปลงไป ชมแอนิเมชั่นด้านบน การเปลี่ยนแปลงแนวคิดด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21 (Changing Education Paradigms)โดย เซอร์เคน โรบินสัน
กรอบแนวคิดข้างต้นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทักษะแห่งอนาคตใหม่ในประเทศไทยและท่านที่ริเริ่มและมีบทบาทสำคัญในการผลักดันได้แก่ ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช โดยท่านได้เขียนลงบล็อก http://www.gotoknow.org อยู่เป็นประจำ รวมถึงได้เขียนหนังสือออกมาชื่อว่า
วิถีสร้างการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21
(สามารถดาวน์โหลดหนังสือได้ที่ http://www.noppawan.sskru.ac.th/data/learn_c21.pdf)
หรือชมวีดีทัศน์ "วิถีสร้างการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21" โดย ศ. นพ. วิจารณ์ พานิช
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)